วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อนุทินที่ 1



อนุทินที่ 1


คำสั่ง หลังจากนักเรียนได้ศึกษาบทเรียนนี้แล้ว จงตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

1.  ท่านคิดว่าทำไมมนุษย์เราต้องมีกฎหมาย หากไม่มีจะเป็นอย่างไร
ตอบ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่ได้เพียงลำพังตลอดเวลา ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และอยู่ด้วยกันหลายคน เป็นครอบครัว หมู่บ้าน และสังคมที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมนุษย์จึงจำเป็นต้องสร้างข้อตกลง หรือ บรรทัดฐานทางสังคม หรือ กฎหมาย เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และสงบ ไม่เกิดปัญหาตามมา
                หากไม่มีกฎหมาย คนจะยึดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ และจะกระทำสิ่งๆต่างโดยไม่รูว่าสิ่งใดถูกหรือสิ่งใดผิด ทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่สงบสุข

    2.   ท่านคิดว่าสังคมปัจจุบันจะอยู่ได้หรือไม่หากไม่มีกฎหมายและจะเป็นอย่างไร
ตอบ อยู่ไม่ได้ เพราะกฎหมายเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคนในสังคม ให้ปฏิบัติตาม ส่งผลให้เกิดความมีระเบียบวินัยเกิดขึ้น ถ้าหากไม่มีกฎหมายจะทำให้สังคมเกิดความวุ่นวาย ทุกคนก็จะยึดความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ใครที่ไม่เห็นด้วย ก็จะคัดค้าน และเกิดเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายต่างๆเกิดขึ้น และจะทำให้คนเกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้น

    3.   ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายในประเด็นต่อไปนี้
ก.      ความหมาย
ตอบ กฎหมาย คือ คำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฏฐาธิปไตย์ จากคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดของรัฐ เป็นข้อบังคับที่ใช้กับคนทุกคนที่อยู่ในรัฐหรือประเทศนั้นๆ จะต้องปฏิบัติตามและมีข้อบังคับที่มีการกำหนดบทลงโทษ
ข.      ลักษณะหรือองค์ประกอบของกฎหมาย
ตอบ  1. เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่เกิดจากรัฎฐาธิปไตย์ที่องค์กรหรือคณะบุคคลที่มีอำนาจสูงสุด สามารถใช้อำนาจกำหนดกฎหมายได้
2. มีลักษณะเป็นคำสั่งข้อบังคับ อันมิใช่คำวิงวอน ประกาศหรือแถลงการณ์ ให้ถือเป็นแนวปฏิบัติมิใช่กฎหมาย สำหรับข้อบังคับที่เป็นกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  พระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. 2545 พระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เป็นต้น
3. ใช้บังคับกับคนทุกคนในรัฐอย่างเสมอภาค เพื่อให้ทุกคนเกรงกลัวและถือปฏิบัติสังคมจะสงบสุขได้
4. มีสภาพบังคับ ซึ่งบุคคลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะการกระทาและการงดเว้นการกระทาตามกฎหมายนั้น ๆ กำหนด หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษหรือไม่ก็ไดh
ค.      ที่มาของกฎหมาย
ตอบ        1. บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เป็นกฎหมายลักษณ์อักษร เช่น กฎหมายประมวลรัษฎากร ราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เทศบัญญัติ ซึงกฎหมายดังกล่าว ผู้มีอำนาจแห่งรัฐหรือผู้ปกครองประเทศเป็นผู้ออกกฎหมาย
2. จารีตประเพณี เป็นแบบอย่างที่ประชาชนนิยมปฏิบัติตามกันมานาน หากนาไปบัญญัติเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรแล้วย่อมมีสภาพไปเป็นกฎหมาย
3. ศาสนา เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติที่ดีของทุก ๆ ศาสนาสอนให้เป็นคนดี เช่น ห้ามลักทรัพย์ ห้ามผิดลูกเมีย ห้ามทาร้ายผู้อื่น กฎหมายจึงได้บัญญัติตามหลักศาสนาและมีการลงโทษ
4. คำพิพากษาของศาลหรือหลักบรรทัดฐานของคาพิพากษา ซึ่งคำพิพากษาของศาลชั้นสูงเป็นแนวทางที่ศาลชั้นต้นต้องนาไปถือปฏิบัติในการตัดสินคดีหลัง ๆ ซึ่งแนวทางเป็นเหตุผลแห่งความคิดของตนว่าทาไมจึงตัดสินคดีเช่นนี้ อาจนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายในแนวความคิดนี้ได้ จะต้องตรงตามหลักความจริงมากที่สุด
5. ความเห็นของนักนิติศาสตร์ เป็นการแสดงความคิดเห็นของว่าสมควรที่จะออกกฎหมายอย่างนั้น สมควรหรือไม่ จึงทาให้นักนิติศาสตร์ อาจจะเป็นอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในกฎหมายได้แสดงความคิดเห็นว่ากฎหมายฉบับนั้นได้ ในประเด็นที่น่าสนใจเพื่อที่จะแก้ไขกฎหมายให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
ง.       ประเภทของกฎหมาย
ตอบ . กฎหมายภายใน มีดังนี้
1.    กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
2.    กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
3.    กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีสบัญญัติ
4.    กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
. กฎหมายภายนอก มีดังนี้
1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา

4. ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร ว่า ทำไมทุกประเทศจำเป็นต้องมีกฎหมาย จงอธิบาย
ตอบ จากการที่แต่ละประเทศมีกฎหมายขึ้น เพราะแต่ละประเทศจะมีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกัน ย่อมสร้างกฎหมายขึ้นเพื่อเป็นข้อตกลงในการดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ ไม่ให้เกิดความเดือดร้อน ในการกำหนดกฎหมายขึ้นในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน และมีบทลงโทษที่แตกต่างกัน เพื่อการอยร่วมกันอย่างมีความสุข

5. สภาพบังคับในทางกฎหมายท่านมีความเข้าใจอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ กฎหมายที่บุคคลจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะการกระทำและการงดเว้นการกระทำตามกฎหมายนั้น กำหนด หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามฝ่าฝืนอาจถูกลงโทษหรือไม่ก็ได้ เช่น ถูกปรับ จำคุก ประหารชีวิต เป็นต้น

6. สภาพบังคับกฎหมายในอาญาและทางแพ่ง มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ       กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 วรรคแรก บัญญัติโทษทางอาญา เช่น การประหารชีวิต จาคุก กักขัง ปรับ หรือริบทรัพย์สิน สภาพบังคับทางอาญาจึงเป็นโทษอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ใช้ลงโทษกับผู้กระทาผิดทางอาญา
                กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง ได้บัญญัติถึงสภาพบังคับลักษณะต่าง ๆ กันไว้สาหรับลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่กระทาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เช่น การกำหนดให้เป็น โมฆะกรรมหรือโมฆียกรรม การบังคับให้ชาระหนี้ การให้ชดใช้ค่าเสียหาย หรือการที่กฎหมายบังคับให้ทาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อความเป็นธรรม
                อนึ่งสาหรับสภาพบังคับทั้งทางอาญาและทางแพ่งควบคู่กันไปก็ได้ เช่น กฎหมายที่ดินพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค และพระราชบัญญัติการล้มละลาย อีกทั้งยังมีสภาพบังคับทางปกครองอีก ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง

7. ระบบกฎหมายเป็นอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ระบบของกฎหมายบางตำราใช้ว่า สกุลกฎหมาย แบ่งเป็น 2 ระบบดังนี้
                1. ระบบซีวิลลอร์ (Civil Law System) หรือระบบลายลักษณ์อักษร ซึ่งมีลักษณะพิเศษกล่าวคือ เป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มีความสำคัญกว่าอย่างอื่น คำพิพากษาของศาลไม่ใช่ที่มาของกฎหมาย แต่เป็นบรรทัดฐานแบบอย่างของการตีความกฎหมายเท่านั้น
                2. ระบบคอมมอนลอว์ (Common Law System เป็นกระบวนการเข้าไปเสริมแต่งให้คอมมอนลอว์ เป็นการพัฒนามาจากกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร นำเอาจารีตประเพณีและคำพิพากษา ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของศาลสมัยเก่ามาใช้

8. ประเภทของกฎหมายมีหลักการแบ่งอย่างไรบ้าง มีกี่ประเภท แต่ละประเภทประกอบด้วยอะไรบ้าง ยกตัวอย่างอธิบาย
ตอบ แบ่งโดยแหล่งกำเนิด อาจแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
                ก. กฎหมายภายใน มีดังนี้
                                1. กฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรและไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
                                2. กฎหมายที่มีสภาพบังคับทางอาญา และกฎหมายที่มีสภาพบังคับทางแพ่ง
                                3. กฎหมายสารบัญญัติ และกฎหมายวิธีสบัญญัติ 
                                4. กฎหมายมหาชน และกฎหมายเอกชน
                ข. กฎหมายภายนอก มีดังนี้
                                1. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
                                2. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล
                                3. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา

9. ท่านเข้าใจถึงคาว่าศักดิ์ของกฎหมายคืออะไร มีการแบ่งอย่างไร
ตอบ        ศักดิ์ของกฎหมาย คือ เป็นการจัดลำดับแห่งค่าบังคับของกฎหมายหรืออาจกล่าวได้ว่าอาศัยอำนาจขององค์กรที่ใช้อำนาจจากองค์กรที่แตกต่างกัน แบ่งได้ดังนี้
                1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                2. พระราชบัญญัติและประมวลกฎหมาย
                3. พระราชกำหนด
                4. ประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้บังคับ
                 5. พระราชกฤษฎีกา
                6. กฎกระทรวง
                7. ข้อบัญญัติจังหวัด
                8. เทศบัญญัติ
                9. ข้อบังคับองค์การบริหารส่วนตำบล

10. เหตุการณ์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 มีเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า และประชาชนได้ประกาศว่าจะมีการประชุมอย่างสงบ แต่ปรากฏว่า รัฐบาลประกาศ
เป็นเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม และขัดขว้างไม่ให้ประชาชนชุมนุมอย่างสงบ ลงมือทำร้ายร่างกายประชาชน ในฐานะท่านเรียนวิชานี้ท่านจะอธิบายบอกเหตุผลว่า รัฐบาลกระทาผิดหรือถูก
ตอบ  ผิด เพราะรัฐบาลไม่ได้ยึดในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ให้ประชาชนเข้ามามีสิทธิในระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลยังกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือ ทำร้ายร่างกายประชาชน

11. ท่านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ คำว่า กฎหมายการศึกษาอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ กฎหมายการศึกษาคือ บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับกฎหรือคำสั่งหรือข้อบังคับของรัฐทีเกี่ยวข้องกับการศึกษาที่สถาบันหน่วยงานผู้มีอำนาจ ได้ตราขึ้นและมีผลบังคับใช้ เพื่อนาไปใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการศึกษาของชาติอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป



12. ในฐานะที่นักศึกษาจะต้องเรียนวิชานี้ ถ้าเราไม่ศึกษากฎหมายการศึกษาท่านคิดว่า เมื่อท่านไป
ประกอบอาชีพครู จะมีผลกระทบต่อท่านอย่างไรบ้าง
ตอบ กฎหมายการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาคน ถ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการศึกษา จะทำให้เราไม่รู้กฎเกณฑ์ หรือข้อกำหนดที่ถูกต้องในการให้การศึกษาแก่เยาวชน และเมื่อกระทำผิดในทางที่ไม่ถูกต้องอาจถูกผู้ปกครองหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องฟ้องร้องได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น